Skip to main content
Oil Slips on Oversupply Fears

ราคาน้ำมันอ่อนตัวจากความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาด

พฤ., 11/27/2025 - 16:09

นักลงทุนจำนวนมากยังคงสับสนกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาดน้ำมันและก๊าซล่าสุด แม้ว่าจะเกิดความขัดแย้งต่อเนื่องในภูมิภาคผู้ผลิตหลักและเงินเฟ้อที่เรื้อรังในหลายประเทศ แต่ราคาน้ำมันกลับสวนทางกับความคาดหวัง โดยปรับตัวลงเฉลี่ย 10% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และลดลงเกือบ 25% ในช่วง 24 เดือนที่ผ่านมา แม้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงรุนแรงในตะวันออกกลาง แต่สงครามที่ยืดเยื้อในยุโรปเกือบ 4 ปีดูเหมือนใกล้จะยุติลง ภายใต้การไกล่เกลี่ยของทรัมป์และอาจรวมถึงสหภาพยุโรป ยูเครนและรัสเซียอาจเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อยุติสงครามและเปิดทางให้รัสเซียกลับสู่การค้าระหว่างประเทศอีกครั้ง

ขณะที่ฤดูหนาวและความต้องการใช้พลังงานเริ่มเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน อยู่ในระดับที่ถือว่าสมเหตุสมผลที่ $63.01 ต่อบาร์เรล ส่วน WTI ลดลงมาอยู่ที่ $58.60 แต่เหตุใดตลาดน้ำมันจึงซบเซาทั้งที่สถานการณ์เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลกในเวลานี้ควรทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น? เหตุผลปกติที่ทำให้เกิดขึ้นได้ คือความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ในบทความนี้ เราจะสำรวจปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบกับทั้งอุปสงค์และอุปทาน และประเมินทิศทางที่อาจเกิดขึ้นในปี 2026

การควบคุมฝั่งอุปทาน

เป็นที่ชัดเจนว่าปริมาณอุปทานน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา เฉพาะตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ปริมาณการผลิตรายวันเพิ่มขึ้นถึง 6.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปแตะระดับ 108.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนตุลาคม ประเทศผู้ผลิตอิสระอย่างสหรัฐฯ บราซิล และกายอานาเป็นตัวแปรสำคัญ โดยมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและประสิทธิภาพต้นทุนที่ช่วยเพิ่มผลผลิตจากโครงการ shale และการผลิตในต่างประเทศแม้ราคาน้ำมันจะลดลงก็ตาม ในขณะเดียวกัน สมาชิก OPEC+ จำนวน 22 ประเทศ ก็ทยอยลดมาตรการจำกัดกำลังการผลิตช่วงโควิด และเพิ่มกำลังการผลิตถึง 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของอุปทานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยทำสถิติที่ 13.86 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด "drill, baby, drill" ของทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี OPEC+ จึงถูกบีบให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันทั่วโลก

สิ่งที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมเหล่านี้คือการมีน้ำมันดิบเต็มตลาด กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจึงตกลงที่จะหยุดเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสแรกของปี 2026 และจะประชุมออนไลน์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน เพื่อกำหนดกลไกการประเมินกำลังการผลิตที่ยั่งยืนของแต่ละประเทศสมาชิก แม้ว่านี่จะเป็นก้าวที่ถูกต้องในการควบคุมอุปทาน แต่ความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียอาจทำให้เกิดอุปสรรคได้ หากสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้และรัสเซียกลับเข้าสู่เวทีการค้าโลกอีกครั้ง ตลาดน้ำมันดิบ Urals ก็น่าจะมีน้ำมันดิบไหลเข้าจำนวนมาก มาตรการคว่ำบาตรและเพดานราคาที่บังคับใช้กับน้ำมันรัสเซียจนถึงขณะนี้ ได้ทำหน้าที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันลดลงมากกว่านี้จากฝั่งอุปทาน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญอาจเกิดขึ้นได้หากมอสโกตัดสินใจใช้โอกาสนี้ในการเร่งหาเงินอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ในการฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม

การคาดการณ์อุปสงค์

แม้อุตสาหกรรมโลกฟื้นตัวหลังโควิด แต่ความต้องการใช้น้ำมันก็ยังอ่อนแรง โดยเฉพาะในอินเดียและจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จีนเคยเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ปัจจุบันภาพรวมค่อนข้างไม่ชัดเจน แม้ว่าการนำเข้าในเดือนตุลาคมจะเพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่อุปสงค์ของน้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันก๊าดกลับทรงตัว เนื่องจากการใช้รถ EV ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รถบรรทุกที่ใช้ LNG เพิ่มขึ้น และภาคก่อสร้างยังชะลอตัว ส่งผลให้น้ำมันดิบส่วนเกินที่ถูกซื้อไว้ส่วนใหญ่ถูกกักตุนไว้ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ในปัจจุบันจีนมีปริมาณนำ้มันดิบสำรองเชิงยุทธศาสตร์เกิน 1.3 พันล้านบาร์เรลแล้ว จากข้อมูลของ IEA ความไม่สมดุลนี้มีแนวโน้มดำเนินต่อไป และเราอาจได้เห็นอุปสงค์ส่วนเกินมากถึงเกือบ 4% ของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2026 โดยปีนี้คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มเพียง 790,000 บาร์เรลต่อวัน และอีก 770,000 บาร์เรลในปี 2026

IEA มองในด้านบวกในระยะยาวแต่ไม่เชื่อว่าอุปสงค์ของน้ำมันจะถึงจุดสูงสุดภายในทศวรรษนี้ รายงาน World Energy Outlook ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ระบุว่าความต้องการใช้น้ำมันอาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2050 แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีตก็ตาม ในส่วนของ OPEC ได้ระบุไว้ในการรายงานเดือนล่าสุดเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันทั่วโลก โดยคาดว่าอุปสงค์จะสอดคล้องกับอุปทานในปี 2026 ซึ่งถือเป็นการปรับลดมุมมองจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่เคยประเมินว่าจะไม่สมดุลเล็กน้อย ความเป็นจริงยังคงเป็นความต้องการใช้น้ำมันในประเทศพัฒนาแล้วที่ยังทรงตัว ส่วนในตลาดเกิดใหม่ก็คาดเดาได้ยาก คาดว่าอุปทานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 และเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2026 แต่การเติบโตของอุปสงค์ยังคงต่ำกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อปีอย่างที่กล่าวไปแล้ว หากปริมาณสต็อกน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเดิม และไม่มีตัวแปรใดเข้ามาดูดซับอุปทานส่วนเกินเหล่านี้ ก็เป็นการยากที่จะเห็นภาพราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ แต่การเสริมกำลังทางทหารในยุโรปและการเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายของ NATO อาจเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยพยุงราคาน้ำมันให้กลับมาทรงตัวได้

เทรด CFD ของน้ำมันและสินทรัพย์อื่น ที่ Libertex

นอกจากตราสารที่ได้รับความนิยมอย่าง CFD ของหุ้น ETF และสกุลเงินแล้ว Libertex ยังมี CFD ของพลังงานมากมายรวมถึงน้ำมัน เช่น WTI Crude, Light Sweet และ Brent หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีวันนี้ โปรดไปที่ www.libertex.org/signup

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด